การขับรถทางไกลในอุโมงค์ยาวๆ ที่มีแต่ภาพเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา อาจทำให้รู้สึกง่วงและเผลอหลับในได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่เชื่อหรือไม่ว่า แค่การเปลี่ยนสีของแสงไฟในอุโมงค์ ก็อาจช่วยแก้ปัญหานี้ได้…ก็ได้
ทำไมขับรถในอุโมงค์ถึงง่วง?
สภาพแวดล้อมในอุโมงค์ที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย ทั้งแสงไฟสีขาวส้มที่สม่ำเสมอ ผนังอุโมงค์ที่หน้าตาเหมือนกันไปตลอดทาง ทำให้สมองของเราทำงานน้อยลง เมื่อสมองเริ่มเบื่อ มันจะค่อยๆ ลดการตื่นตัวลง และนำไปสู่อาการง่วงซึมโดยไม่รู้ตัว นี่คือจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงบนท้องถนน ด้วยเหตุนี้เอง นักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มสงสัยว่า เราจะใช้ ‘แสงสี’ เข้ามาช่วยกระตุ้นสมองของคนขับได้อย่างไร
ยาวไป ไม่อ่าน!
การขับรถในอุโมงค์ยาวๆ อาจทำให้ง่วงจนเกิดอันตรายได้ แต่งานวิจัยพบว่าแสงสีสามารถช่วยได้
- ทำไมขับรถในอุโมงค์ถึงง่วง?: เพราะภาพที่ซ้ำซากและแสงที่นิ่งเฉย ทำให้สมองเบื่อและลดการตื่นตัวลง
- การทดลองในห้องจำลอง: นักวิทยาศาสตร์ทดลองใช้แสงสีต่างๆ (แดง, เหลือง, น้ำเงิน, ขาว) กับคนขับในอุโมงค์จำลอง
- ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง: แสงสีฟ้าช่วยให้คนขับตื่นตัวและหายง่วงได้ดีที่สุด รองลงมาคือสีแดงและเหลือง
การทดลองในห้องจำลอง: ค้นหาสีที่ใช่
เพื่อหาคำตอบสำหรับข้อสงสัยนั้น ทีมวิจัยจึงได้สร้างสถานการณ์จำลองการขับรถในอุโมงค์ยาวขึ้นมา แล้วให้อาสาสมัครเข้ามาทดลองขับ โดยมีการเปลี่ยนสีของแสงไฟในอุโมงค์เป็นช่วงๆ ระหว่างสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน และสีขาวแบบปกติ ในระหว่างการทดลอง นักวิจัยได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สองอย่างในการวัดผล คือ หนึ่งคือเครื่องวัดความแปรปรวนการเต้นของหัวใจ (HRV) เพื่อดูการตอบสนองของร่างกาย และสองคือแบบสอบถามระดับความง่วง (KSS) เพื่อวัดความรู้สึกของคนขับโดยตรง แล้วผลลัพธ์ที่ได้จากเครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ บอกอะไรเราบ้างเกี่ยวกับแสงแต่ละสี
ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง: สีฟ้าคือพระเอก
ผลการทดลองที่ออกมานั้นชัดเจนอย่างมากครับ
แสงสีฟ้า (Blue Light): เป็นสีที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความตื่นตัวให้ผู้ขับขี่ได้ดีที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ ผลการวัดจากร่างกายและการตอบแบบสอบถามชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า แสงสีฟ้าทำให้คนขับรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิมากที่สุด
แสงสีแดงและสีเหลือง: ให้ผลดีรองลงมา สามารถช่วยกระตุ้นร่างกายได้บ้าง แต่ก็ยังไม่ดีเท่ากับแสงสีฟ้า
แสงสีขาว: ซึ่งเป็นแสงไฟปกติในอุโมงค์ กลับไม่พบว่าช่วยลดความเหนื่อยล้าลงได้เลย
ที่น่าสนใจคือ ช่วงที่ผู้ขับขี่รู้สึกง่วงมากที่สุด คือช่วงที่ขับอยู่ในโซนแสงสีขาวปกติ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการเพิ่มแสงสีเข้าไปในอุโมงค์เป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วทำไมแสงสีฟ้าถึงมีผลต่อร่างกายเราได้มากขนาดนั้น
วิทยาศาสตร์เบื้องหลังแสงสีฟ้า
คำตอบนั้นซ่อนอยู่ในนาฬิกาชีวภาพของร่างกายเราครับ โดยปกติแล้ว สมองของเราจะรับรู้ว่าแสงสีฟ้าคือ "แสงของท้องฟ้ายามเช้า" ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้ร่างกายตื่นตัวและหยุดการผลิต "เมลาโทนิน" ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกง่วง ดังนั้น เมื่อเราขับรถเข้าไปในโซนที่มีแสงสีฟ้า แม้จะอยู่ในอุโมงค์ ร่างกายก็จะถูกกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัวเหมือนเป็นเวลากลางวัน ช่วยชะลอความเหนื่อยล้าและอาการง่วงนอนลงได้ เมื่อรู้แบบนี้แล้ว การนำความรู้นี้ไปปรับใช้จึงกลายเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญอย่างยิ่ง
จากห้องทดลองสู่ความปลอดภัยบนท้องถนน
การวิจัยนี้ได้ให้ข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า แสงสีฟ้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบแสงไฟในอุโมงค์ยาว เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุจากการหลับใน การออกแบบแสงไฟในอุโมงค์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นเรื่องของ ‘วิทยาศาสตร์แห่งความปลอดภัย’ ที่ช่วยปกป้องชีวิตได้โดยตรง และเป็นหลักฐานว่าการปรับปรุงสภาพแวดล้อมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อความปลอดภัยของทุกคนได้
ความรู้ในบทความนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันแสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมส่งผลต่อร่างกายและความปลอดภัยของเราโดยตรง แม้เราจะไม่สามารถเปลี่ยนไฟในอุโมงค์ได้ด้วยตัวเอง แต่การตระหนักรู้ถึงปัญหานี้ทำให้เราเตรียมตัวได้ดีขึ้น เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทางไกล หรือการจอดพักเมื่อเริ่มรู้สึกง่วง นอกจากนี้ ความรู้นี้ยังประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น การหลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือก่อนนอน เพื่อไม่ให้รบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน
ที่มา
https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/15389588.2025.2493314
Share this post